เปลี่ยนภาษา

สำหรับเจ้าหน้าที่

📣📣📣 สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จับมือ สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีปัญหาด้านกฎหมาย ระงับข้อพิพาทเร่งด่วน . 📅วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2564 . 🤝 MOU ระหว่าง สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม โดย ✨ดร.วรวงศ์ อัจฉราวงศ์ชัย✨ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอนุญาโตตุลาการ กับ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดย ✨นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช✨ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยวิธีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) 🔹เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการที่เสริมสร้างประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจและการระงับข้อพิพาททางเลือกทั้งการไกล่เกลี่ยและการอนุญาโตตุลาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย อันจะส่งเสริมให้การประกอบธุรกิจโดยทั่วไปมีการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจและสังคมในองค์รวม ดังนั้น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวจึงตกลงจัดทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ขึ้น 📍โดยมีหลักการในการให้ความร่วมมือ ดังนี้ 👉1. สถาบันอนุญาโตตุลาการ กับ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาททางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ยหรือการอนุญาโตตุลาการ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นในการพัฒนา ปรับปรุง กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และแนวปฏิบัติเกี่ยวข้องกับหน่วยงานทั้งสอง 👉2. สถาบันอนุญาโตตุลาการ กับ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ร่วมกันสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ความรู้ด้านการอนุญาโตตุลาการ การระงับข้อพิพาททางเลือกด้านอื่น ๆ กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ โดยวิธีการบรรยาย การประชุม การสัมมนาหรือทางอื่นใด เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี และประชาชนทั่วไปมีความรู้ ความเข้าใจและสามาระเลือกใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทที่เหมาะสมกับข้อพิพาทของตน 👉3. สถาบันอนุญาโตตุลาการ กับ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ร่วมกันพัฒนาและขึ้นทะเบียน อนุญาโตตุลาการที่มีความเชี่ยวชาญในข้อพิพาทเกี่ยวกับธุรกิจและการค้าการลงทุน รวมทั้งให้ข้อมูลให้คำปรึกษา และความเห็น เพื่อพัฒนาหน่วยงานทั้งสอง และสนับสนุนกระบวนการด้านการอนุญาโตตุลาการและการระงับข้อพิพาททางเลือกด้านอื่น ๆ 👩‍🏫สถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาด COVID-19 ถึงไตรมาส 2 ปี 2564 พบว่าสินเชื่อทั้งหมด 16,680,588 ล้านบาท เป็นสินเชื่อชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special mention) 1,059,343 ล้านบาท หรือ 6.35% ของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในประเทศ และสินเชื่อทั้งหมดที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 541,081 ล้านบาท หรือ 3.24% ของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในประเทศ รวม SM และ NPL สูงถึง 1,600,424 ล้านบาท หรือ 9.59% ของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในประเทศ และหากจำแนกสินเชื่อแก่ธุรกิจเอสเอ็มอีจะพบว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งหมด 3,368,125 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 20.19% ของสินเชื่อทั้งหมด โดยสินเชื่อเอสเอ็มอีเป็นสินเชื่อชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special mention) 416,002 ล้านบาท หรือ 12.35%% ของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในประเทศ และสินเชื่อทั้งหมดที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 246,108 ล้านบาท หรือ 7.31% ของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในประเทศ รวม SM และ NPL สูงถึง 662,110 ล้านบาท หรือ 19.66% ของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเผชิญกับปัญหาหนี้สิน การเจรจาประนอมหนี้ ไกล่เกลี่ยหนี้ การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหนี้ และการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับเอสเอ็มอี จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกันในครั้งนี้ . 📌 ติดตามข่าวสารเพื่อ SME ได้ที่ Facebook : สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย SME Thai : สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย SME Thai Line สมาพันธ์ฯ : https://lin.ee/2clvQnQ #เพื่อนช่วยเพื่อนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย #สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย

แชร์

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Translate »